‘มดดำ’ หลุดความจริง ‘เจ-ปิ่น’ รัก 28 ปี แท้จริงอยู่กินกันแบบนี้
พิธีกรคนดัง มดดำ คชาภา เผยในรายการชื่อดัง โดยเจ้าตัวนั้นได้อ่านข่าว เจ เจตริน กับ ปิ่น เก็จมณี ที่ชาวเน็ตหลายคนได้เดากันว่าเป็น
คู่รักดาราดังย่องเซ็นใบหย่า โดยมดดำได้เผยขึ้นมาในฐานะที่รู้จักและสนิทกับ ปิ่น เก็จมณี ว่า ที่ผ่านมาปิ่นกับเจอยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว
ตั้งแต่แบบว่าเริ่มต้นเลย แต่ไม่รู้ว่าเซ็นใบหย่าเซ็นจริงรึเปล่า เราไม่รู้ และหากย้อนกลับไป เรียกว่าช่วงนี้กลิ่นการเลิกราของคู่รักคนดัง รุนแรงต่อเนื่องมาเรื่อยๆ
กับคู่รักระดับตำนาน เจ เจตริน – ปิ่น เก็จมณี วรรธนะสิน ที่รักกันมานานกว่า 28 ปี และเพิ่งฉลองครบรอบแต่งงาน 22 ปีไปหมาดๆ เป็นครอบครัวสุดอบอุ่น
ที่ใครต่างก็อิจฉา ที่ตอนนี้เป็นกระแสข่าวลือว่า คู่นี้คือคู่รักยุค 90 ที่เพิ่งจะเซ็นใบหย่ากันไป วันนี้เราถือโอกาส พาทุกท่านไปส่องเส้นทางรักของ เจ-ปิ่น ตลอด 28 ปี
ที่ทั้งคู่เองก็ผ่านเรื่องราวมือที่ 3 บ้านแตก เรื่อยมา แต่ท้้งคู่ก็สามารถฟันฝ่าจับมือผ่านมรสุมรักกันมาได้ตลอดรอดฝั่ง การคบกันของทั้งคู่เป็นข่าวใหญ่ และมีข่าวรักๆ เลิกๆ
ก้นเรื่อยมา ก่อนที่เจ จะหันไปคบกับนางแบบสาว จีน่า จิดาภา รองนางสาวไทยปี 2535 และมีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคนชื่อว่า เจด้า จิดาริน หลังจากนั้นไม่นาน เจ ก็ได้กลับมา
คบกับ ปิ่น อีกครั้ง จนกระทั่งทั้งคู่เข้าพิธีแต่งงานเมื่อปี 2544 จากนั้นไม่นาน เจ-ปิ่น ก็ได้ออกมาประกาศข่าวดี ปิ่นได้ตั้งท้องลูกชายคนแรกคือ เจ้านาย มีลูกชายคนที่สองในปี
2546 คือ เจ้าขุน และในปี 2548 ก็มีลูกชายคนที่ 3 เจ้าสมุทร เป็นครอบครัวสุดอบอุ่นที่ใครต่างก็พากันอิจฉา ในปี 2550 เจ-ปิ่น เจอกับมรสุมรักร้าว เมื่อมีข่าวออกมาว่าเจ
นอกใจปิ่นไปนั่งเฝ้าวีเจรุ่นน้อง “พิตต้า ณ พัทลุง” ถึงกองถ่าย ทำเอาเจไม่นิ่งนอนใจรีบออกมาแก้ข่าวว่าไม่เป็นความจริงเลย และรู้สึกเคืองผู้ไม่หวังดีที่ปล่อยข่าวเสื่อมเสียให้
กับครอบครัวของตน แต่ยอมรับว่าได้แยกห้อง แยกเตียงกับภรรยาเพราะแต่ละคนต้องการความเป็นส่วนตัว ในปีเดียวกัน ปิ่น ออกรายการ เล่ามรสุมชีวิตรัก ซึ่งปิ่นเล่าว่า เจ
ไม่ใช่คนเจ้าชู้ ตั้งแต่คบกันมา เจ เคยมีพฤติกรรมแปลกๆ ครั้งเดียว ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มาก แต่ก็เคลียร์กันได้ ตนจึงวางใจว่าเจจะไม่ทำให้เป็นปัญหาอีก ซึ่ง ปิ่น กับ เจ
เคยเลิกกันมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งที่ 3 เจไปเมืองนอกแล้วก็ไปกุ๊กกิ๊กสาวอื่น ซึ่งเจเองเคยเล่าถึงช่วงเวลาที่มีปัญหากับภรรยาไว้ว่า “ส่วนมากเราทะเลากันเพราะอารมณ์ เวลา
มีปากเสียงกันผมเลยเชื่อว่าเราไม่มีวันแยกจากกันอยู่แล้วเพราะเรารักกัน และเพราะลูกด้วยที่เป็นเหตุผลอันดับหนึ่ง ผมกับปิ่นเรารักกันและเราก็รักตัวเองนะ แต่เรารักลูกมากกว่า
ตัวเอง ลูกมาที่ 1 ถ้าเรารักตัวเองมากกว่าเวลาทะเลาะกันเราคงแยกกันไปแล้ว ชีวิตผมมาได้ทุกวันนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ผมมีปัญญา มีบทเรียน ดังนั้นเวลาที่เรามีตรงนี้ เราต้องอยู่กับบ้านต้องอยู่ด้วยกัน แหวนที่ใส่อยู่สลักชื่อกันไว้ ตั้งแต่แต่งงานไปไหนผมไม่เคยถอด หรือถ้าต้องถอดก็จะวิ่งมาให้ปิ่นเป็นคนใส่ให้ทุกครั้งเหมือนวันแรกที่เราแต่งกัน ปิ่นเขาจะรู้