บ้านหลังน้อย ‘แจ็คกี้ ชาเคอลีน’ ชีวิตรักถูกหลอกเป็นมือที่ 3 ก่อนจีบ ‘เกรท วรินทร’
เป็นอีกหนึ่งสาวสวย ที่ได้สมบัติแบรนด์เนมสุดหรูต่อจากนางเอกสาวตัวแม่ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต เมื่อครั้งที่แม่ชมเปิดคลังแสงกระเป๋า เสื้อผ้า
รองเท้าแบรนด์เนมสุดหรูของเจ้าตัว ซึ่งถ้าใครได้ดู จะเห็นว่า สาวชมพู่จะต้องตัดใจคัดรองเท้า เสื้อผ้าที่คิดว่าไม่ได้ใช้แล้วออก และส่งต่อให้กับน้องๆ
ในสังกัดของ หวานเจี๊ยบ ผู้จัดการส่วนตัวของสาวชมพู่นั่นเอง และหนึ่งในนั้น ก็มี แจ็คกี้ ชาเคอลีน มึ้นช์ เจ้าของฉายาหวานเชย ที่สาวชมพู่พูดถึงในคลิปตอน
แจกของให้น้องๆงานนี้สาวแจ็คกี้ได้รับรองเท้า และเสื้อผ้าแบรนด์เนมสุดหรูของสาวชมพู่หลายสิบชุด และหลังจากที่ได้สมบัติตกทอดจากแม่ชม เป็นรองเท้าแบรนด์เนมสุดหรูหลากหลายแบรนด์
สาวแจ็คกี้ก็เลยมาขอรีวิว อวดความปังของสมบัติที่ได้จากแม่ชมให้หลายคนได้ดูมีทั้งรองเท้าส้นแบนใส่ลำลอง และรองเท้าส้นสุงสุดหรูหราที่เอาไว้ใส่ออกงานอีกหลายสิบคู่ แต่ละคู่ล้วนเป็นรองเท้า
แบรนด์เนมดังราคาไม่ธรรมดาทั้งนั้น แม้จะเป็นรองเท้าที่ใช้แล้วแต่ยังดูใหม่ เพราะ ชมพู่ อารยา ดูแลรักษาข้าวของของตัวเองเป็นอย่างดี ทำเอาคนที่ได้รับต่อปลื้มปริ่มสุดๆ ไปเลย หากย้นบทสัมภาษณ์
ดาราสาวคนนี้ ในรายการ ซานิเบาได้เบา ซานิ เอเอฟ เปิดใจแม่น้องบอง แจ็คกี้ ชาเคอลีน นอกจากน้องบองทำฮอตในรอบ 13 ปี ในวงการ ล่าสุดขึ้นแท่นนางเอกดังเปรี้ยงจากละคร นางฟ้าอสูร
ที่ถ่ายดองมานานออกอากาศเรตติ้งกระฉูด เผยคลิป “แจ็คกี้” โดนดาราเบอร์ใหญ่เมินใส่แรงมาก หลังจากได้เจอต้นกระบองเพชรน้อยทำให้แสงพุ่งสาดส่องมาอย่างแรงพลิกชีวิต แจ็คกี้ แม่น้องบอง
หรือ แจ็คกี้ ชาเคอลีน เผยเส้นทางในวงการ 13 ปี เล่นละครตลอด ช่องไม่เคยไม่ป้อนละครให้ มีละครตลอด บทนางโศกนางเศร้า ชีวิตไม่เคยมีความสุข เป็นนางร้ายพระเอกไม่รัก รับบทนางภรรยาเก็บ
อยู่อย่างเจ็บๆอย่างคนเป็นน้อย เป็นนางร้ายแต่ไม่ใช่นางร้ายหนึ่ง หรือนายร้ายแล้วเราเป็นภรรยาเก็บนายร้ายอีกทีหนึ่งมีท้อบ้าง 13 ปี เขาให้เล่นบทอะไรเราก็ไม่หือไม่อือ เคยเจอบทเขย่าค็อกเทลราดตัวลง
ไปรูดเสา บทไม่ได้เด่นขนาดนั้น แต่เราต้องเล่นขนาดเนี่ย เราก็ไม่ไหว ขอไม่เล่นแต่สุดท้ายเราก็ต้องเล่น แต่เรื่องนั้นก็ดีจากที่บอกว่า 5 ตอน อยู่จนจบงงมากมาเจอกับน้องบองดังไปอีก แถมย้ายมาอยู่กับ
ผู้จัดการเครือข่ายเดียวกับ ชมพู่ อารยา วันแม่ชมย้ายบ้านมรดกเลยตกมาอยู่ในบ้านของลูกๆ Millions of Stars บุญบาปใส่รองเท้าไซซ์เดียวกับแม่ ราคาไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบอกได้เลย บางคู่เหยียบแสน
แม่ให้เลย 8-9 คู่ แม่มีความเมตตาขอบคุณแม่ตรงนี้ความหวงความดุของคุณแม่เจ้าตัวเคยสร้างประวัติศาสตร์ด่าลั่นโรงเรียนมาแล้วต้องอยู่ในกรอบแม่ เรื่องคบผู้ชายแม่ก็หวง เรื่องชอบพี่เกรท (วรินทร) แม่ด่า
เราเป็นผู้หญิง อย่าจีบผู้ชายก่อน ก็บอกแม่ว่าคนมันชอบอะแม่ แม่ก็จะบอกอันไหนเบาได้เบาให้แม่หน่อย คนจะมาเป็นแฟนก็คงต้องเป็นคนที่เข้ากับแม่ได้มั้ง เคยมีแฟน แรกๆแม่จะขอตามหน่อย แต่ก็ต้องอยู่ในสาย
ตาถามว่าตอนนี้โสดมีคนเข้ามาไหมก็มีแต่ว่าไม่มีใครได้ไปต่อ เพราะเท่าที่เข้ามาตอนนี้ที่ไม่ผ่านหลักๆอย่างแรกคือมีครอบครัวแล้ว และอีกอย่างคือเป็นผัวคนใกล้ชิดมาก่อน มันไม่ได้จริงๆ ตอนนี้แยกตัวกับแม่แล้ว
แต่ก็ไม่มีผู้ชายแบบเป็นจริงเป็นจังเมื่อถามว่า13ปีเคยโดนเหยียดโดนดูถูกจนถึงวันที่แสงจับเราคนที่เคยดูถูกเราเปลี่ยนไปไหม แจ็คกี้ มองว่าเป็นเรื่องดี พอเราเปลี่ยนแปลง คนที่แทบจะไม่คุยกับเราเลย ทั้งที่อยู่กองเดียวกัน
ใครอยากคุยกับเรา ใครไม่อยากคุยกับเรา เราสัมผัสได้ถึงพลังงาน แจ็คกี้เคยเจอถึงขั้นว่า (ยกมือไหว้) สวัสดีค่า แล้วเขาทำอย่างนี้ (ปลายหางตามอง) แล้วทุกวันนี้คือทักไดเร็กต์มา พี่มีงานนี้ช่วยหน่อย เลยบอกไงว่าข้อดีของการอยู่มา 13 ปี
มันเห็น หนูก็ช่วยเขา หรือชอบตัดสินคนที่ของนอกกาย หนูเป็นคนไม่ถือแบรนด์ ถือกระเป๋าชะลอม ของที่เราสบายใจ มีจังหวะที่แบบเอาชะลอมวางบนเก้าอี้ กลับมาอีกทีเป็นกระเป๋าแบรนด์เนม ชะลอมฉันไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ กระเป๋าไปอยู่ในป่า
เก้าอี้มีอีกเป็นสิบไม่ไปลากเก้าอี้มาวาง เราวางก่อน เคยโดนแยกโต๊ะกินข้าว แจ็คกี้ เล่าว่า เจออารมณ์แบบประมาณว่าโต๊ะผู้จัด แต่นี่แปลกมีโต๊ะพระนางเว้ย เราก็งงทำไมต้องแยก แต่ประเด็นคือพระนางก็ไม่ได้ยินดีที่จะไปนั่งแยกนะ
พระนางก็มีความอิหลักอิเหลื่อว่าแยกทำไม แล้วนึกออกป่ะเราทำงานมาทั้งวัน ช่วงเวลากินข้าวมันคือช่วงเวลาเม้าธ์มอย บางคนเขาก็น่ารักเขาก็อยากเม้าธ์ ให้เขาไปนั่งกันสองคนเขาจะคุยอะไรกันก่อน ถามว่าตอนนี้เปลี่ยนไปขนาดไหน แจ็คกี้ กล่าวว่า ตอนนี้สิ่งที่เห็นได้ก็คือ คนที่ไม่น่ารักกับเรา หันกลับมาน่ารักกับเรา คนทำงานวันแรกกับเรายังไง วันนี้ทำงานกับเรายังไง มันเปลี่ยนจริงๆพับผ่า มันเปลี่ยน เมื่อให้บอกอักษรย่อ แจ็คกี้ บอกว่า เยอะฝากถึงน้องๆมันท้อได้ ต้องปลอบตัวเองให้เป็นเรารักการแสดงไหม เราก็แสดงไปไม่ว่าบทอะไรก็แล้วแต่ แต่เราต้องไม่หยุดพยายาม ถ้าวันนั้นเราพร้อมที่สุดแล้วแต่โชคชะตาพาเราไปไม่ถึงตรงนั้นจริงๆ เราก็ทำเต็มที่แล้ว